“มีลูก 1 คน จนไป 7 ปี” ประโยคติดปากที่หลายครอบครัวต้องประสบและตอกย้ำอยู่ในหัวของใครหลายคน จนกลัวการมีลูกไปเลยทีเดียว หลายคนมักกล่าวว่า ลำพังเพียงแค่ตัวเราเอง ยังเอาตัวไม่รอด จะเอาลูกมาร่วมรับความจนไปอีก 7 ปีหรือ? คุณอย่าเพิ่งตื่นตกใจไปนะคะ การออมเงินอย่างเป็นระบบ ด้วยระยะเวลาและรูปแบบที่เหมาะสม จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคนี้เราสามารถออมเงินได้หลายรูปแบบตามกำลังทรัพย์ ความชอบ และความสามารถของแต่ละบุคคล บางท่านชอบความเสี่ยงมากและผลตอบแทนเยอะ ก็ไปลงทุนหุ้นได้ค่ะ ส่วนบางท่านรับความเสี่ยงได้น้อยก็สามารถลงทุนผ่านการฝากธนาคาร หรือการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำได้
“ก่อนจะเริ่มการออมเงิน ขอให้คุณตอบคำถามดังต่อไปนี้ให้ได้ก่อนนะคะ”
1.เป้าหมายของการออม
พ่อแม่แต่ละคนอาจจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป บางคนอยากจะออมเงินเพื่อให้ลูกได้เรียนโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนนานาชาติ บางคนก็อาจจะอยากออมเงินเพื่อให้ลูกได้เรียนถึงระดับปริญญาโทในต่างประเทศ รวมทั้งพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็คงอยากจะออมเงินเพื่อให้ลูกมีเงินใช้อย่างสม่ำเสมอใช่มั้ยล่ะคะ นอกเหนือจากเป้าหมายด้านการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายของลูกแล้ว ก็อาจจะมีเรื่องเป้าหมายด้านคุณภาพชีวิตของลูกอีกด้วย เช่น การออมเงินเพื่อให้ลูกได้อยู่ในสังคมที่ดี ได้ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ได้พบเจอประสบการณ์ใหม่จาการไปท่องเที่ยว
เมื่อคุณได้กำหนดเป้าหมายของการออมแล้ว คุณก็จะมีภาพว่าคุณควรจะต้องมีเงินเท่าไร สิ่งเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่ละเอียดมาก ๆ ค่ะ ซึ่งจะทำให้แผนการเก็บเงินของคุณชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น เช่น การเรียนในโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร กับการเรียนโรงเรียนเอกชนที่ต่างจังหวัด ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันมาก ในที่สุดก็จะมีผลต่อจำนวนเงินที่คุณจะต้องเตรียมออม
2. ระยะเวลาในการออม
พ่อแม่บางคนอาจจะมีการวางแผนการออมให้ลูกตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ส่วนบางคนอาจจะเริ่มวางแผนเมื่อลูกเริ่มเข้าโรงเรียนแล้ว หรือบางคนอาจจะเริ่มออมตอนที่ลูกเข้ามหาวิทยาลัย คำพูดที่ว่า “ออมก่อน รวยก่อน” สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดี การวางแผนการออมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์โดยออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ย่อมได้เงินมากกว่าการเริ่มออมเมื่อลูกเริ่มเข้าโรงเรียน เพราะเนื่องจากระยะเวลาการออมที่ยาวนานกว่านั่นเอง
คุณเคยได้ยินเรื่องเงินเฟ้อหรือไม่คะ หากคุณออมเงินแบบระยะยาว ขอให้คุณคำนึงถึงเรื่องอัตราเงินเฟ้อไว้ด้วย
หากจะพูดถึงเรื่องเงินเฟ้อให้เข้าใจง่าย ๆ ขอให้คิดถึงเงิน 10 บาท ในวันนี้มันอาจจะมีมูลค่า 10 บาท แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า มูลค่าอาจจะลดลงเหลือเพียง 1 บาทเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกปี การคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการออมโดยที่เผื่อเรื่องของมูลค่าของเงินที่จะลดลงในอนาคตด้วยค่ะ
3. ประเภทของการออม
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถตอบคำถามเรื่องเป้าหมายและระยะเวลาการออมได้แล้ว การตอบคำถามเรื่องประเภทการออมก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นค่ะ
ยกตัวอย่างนะคะ ครอบครัวนายเอ ไม่ชอบความเสี่ยง อยากจะมีเงินออมเพื่อการศึกษาของลูกที่โรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร ค่าใช้จ่ายรวม 2 ล้านบาท โดยวางแผนการออมไว้ 10 ปี นับตั้งแต่วันนี้ เนื่องจากระยะเวลาของการออมค่อนข้างยาว การออมผ่านการเปิดบัญชีฝากประจำหรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ไม่ต้องกังวลกับสภาพเศรษฐกิจ ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้
ในขณะที่ครอบครัวนายบีชอบความเสี่ยง อยากจะมีเงินออมเพื่อการศึกษาของลูกที่โรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร ค่าใช้จ่ายรวม 2 ล้านบาท โดยวางแผนการออมไว้ 5 ปี นับตั้งแต่วันนี้ เนื่องจากระยะเวลาการออมสั้น แต่ถ้ายอมรับความเสี่ยงได้และอยากได้ผลตอบแทนสูง การให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม หรือ หุ้น ก็น่าจะตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้
การออมเงินเพื่อลูกนั้นเป็นการลงทุนระยะยาวและมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ รวมทั้งอนาคตของลูก คุณพ่อคุณแม่ควรใช้วิจารณญาณและสติมากเป็นพิเศษในการเลือกรูปแบบการออม ความโลภอาจนำพาไปสู่ภาวะหนี้สินโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากการลงทุนบางประเภทให้ผลตอบแทนสูงเมื่อสภาวะเศรษฐกิจดี แต่เมื่อสภาวะเศรษฐกิจแย่ผลตอบแทนจะตกต่ำมาก การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนด้วยความมุ่งมั่นและมีพันธะสัญญาที่จะนำเงินไปใช้เพื่อความสุขสบายของลูกจึงมีความสำคัญมาก ใครที่มีเงินออมอยู่แล้วลองหาเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ที่จะทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าเดิม หรือถ้าใครยังไม่เริ่มออมเลย คุณสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ
อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ