Contact Us Contact Us

ทำแบบนี้แล้ว แข็งแรงขึ้นแน่นอน

ในวันที่ 27 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการสาธารณสุขกับประชาชนคนไทยให้หันมาดูแลสุขภาพและความแข็งแรง และบทความนี้อยากให้ผู้อ่านทุกท่านที่กำลังดูแลเรื่องสุขภาพ หรือรูปร่างความแข็งแรง เรื่องความแข็งแรงกับสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตเป็นอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ มันจะน่าเสียดายแค่ไหนลองนึกภาพดูนะครับ หากเราทำงานสร้างทุกอย่าง มีบ้าน มีรถ ครอบครัวที่อบอุ่น มีเงินพร้อม แต่วันนึงต้องมาป่วยหนักนอนติดเตียงร่างกายไม่มีแรงแค่สัปดาห์เดียวก็ทรมานแย่แล้ว หากปล่อยร่างกายหนักกว่านั้นในวันที่คุณละเลย อาจจะมีโรคภัย เบาหวาน ไขมันอุดตันหลอดเลือด โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบมาแบบไม่มีสัญญาณ อย่ารอให้ถึงวันนั้นเลยครับ รีบสร้างสุขภาพและความแข็งแรงตั้งแต่วันนี้ แล้วจะทำอย่างไรดีให้แข็งแรงไปตลอดชีวิตองค์ประกอบหลักๆ มีอยู่ 3 อย่างครับ

1.ควบคุมการกินอาหารและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่

2.ออกกำลังกายทั้งร่างกายและจิตใจสม่ำเสมอ

3.พักผ่อนให้ถูกหลักและเพียงพอ

หลายๆ คนเมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็คิดว่ามันเป็นหัวข้อเดิมๆ หนังสือหรือสื่อไหนก็พูดเหมือนกันว่า กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง จริงอยู่ครับ มันคือเรื่องเดิมๆ นั่ แต่คุณทำเรื่องเดิมๆ เหล่านี้ได้ดีหรือยัง หรือว่ายังไม่ได้เริ่มทำแม้แต่นิดเดียว สิ่งนึงที่ทำให้ผู้ป่วยหลายๆ คนนึกเสียใจ ว่าทำไมตอนที่ยังแข็งแรงอยู่น่าจะดูแลสุขภาพให้ดีกว่านี้ ค่อยมานึกเสียดายในวันที่สายไปแล้ว สำหรับคนที่โชคดีหน่อยก็มีโอกาสกลับมาดูแลตัวเองได้ทัน แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนโชคดีแบบนั้นควรจะรีบดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เลยครับ

 

1.การควบคุมอาหารการกินให้ครบ 5 หมู่

อาหารคือ ตัวแปรสำคัญที่สุดว่าร่างกายของคุณจะเป็นอย่างไร สุขภาพจะดีแค่ไหน ก็คือสิ่งที่คุณเลือกทานเข้าไปเองทุกอย่าง เราสามารถเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างที่ทุกคนเคยเรียนมาได้ง่ายๆ ดังนี้

หมู่ที่ 1 โปรตีน (เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว)

หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต (ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน)

หมู่ที่ 3 เกลือแร่หรือแร่ธาตุ (พืชผัก)

หมู่ที่ 4 วิตามิน (ผลไม้)

หมู่ที่ 5 ไขมัน (ไขมันจากพืชและสัตว์)

 

อาหารที่คนส่วนใหญ่มักบริโภคกันเกินที่ร่างกายต้องการนั้นคือ หมู่ที่ 2 และ หมู่ที่ 5 คือ คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเยอะเกินไปและนอกจากนี้ยังขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายสะสมไขมันได้รวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็อ้วนและมีไขมันสะสมเกินเกณฑ์ สุขภาพเริ่มย่ำแย่ เนื่องจากขาดการเลือกบริโภคสารอาหาร 5 หมู่ให้สมดุลกัน ถ้าคุณอยากให้ร่างกายแข็งแรง สิ่งที่ต้องปรับก็คือ สารอาหาร หันมาทานอาหารที่มี โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุ และปรับการกินคาร์โบไฮเดรตและไขมันลดลง หากคุณมีน้ำหนักตัวและไขมันที่สะสมเยอะเกิน แต่ร่างกายของคุณยังต้องใช้พลังงานจากน้ำตาลกลูโคสที่ได้มาจากคาร์โบไฮเดรต หรืออาจจะใช้วิธีปรับเปลี่ยนการกินคาร์โบไฮเดรต เช่น เคยกินแต่ แป้งสีขาว ข้าวขาว ก็หันมาทานข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลกลูโคสมาใช้ทีละนิด สำหรับประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่แนะนำเลยก็คือ ข้าวไรซ์เบอร์รี่หงษ์ทองไลฟ์ เป็นข้าวที่มีสารแอนโทไซยานิน หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง สารนี้ยังช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย และโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดด้วย ส่วนสารอาหารหมู่ที่ 5 ไขมัน ก็จำเป็นเช่นกัน ไม่ต้องตัดออก แต่ต้องควบคุมปริมาณให้เหมาะสม

กับร่างกาย เพราะไขมันเป็นตัวสร้างฮอร์โมนให้ร่างกาย บำรุงผิวหนัง และละลายจับคู่กับวิตามิน แต่ถ้าได้รับในประมาณที่มากเกินไปไขมันจะไปสะสมในร่างกายจนทำให้อ้วนได้

 

2.ออกกำลังกายทั้งร่างกายและจิตใจสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี ควรจะอยู่ที่วันละ 30-60 นาที อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับความแข็งแรง) แต่ถ้าหากต้องการจะลดไขมัน และเปลี่ยนรูปร่างให้เฟิร์มขึ้น ควรจะเพิ่มการออกกำลังกายประเภท เวทเทรนนิ่งเข้าไปด้วย 4-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง จะทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายเราดีขึ้น และการออกกำลังกายด้านจิตใจทำได้ด้วยการที่เราอาจจะหางานอดิเรกที่ได้พักสมอง เช่น นั่งสมาธิ โยคะ อ่านหรือเขียนหนังสือ เล่นกีต้าร์ เล่นกับสัตว์เลี้ยง ลดการเสพข่าวหรือสิ่งลบๆ เพื่อลดความเครียดจากชีวิตประจำวัน ถ้าคุณทำสม่ำเสมอเป็นเวลา 1 เดือนจะพบว่าชีวิตคุณจะมีความสุข สมองโล่งขึ้นกว่าเดิมจนคุณแปลกใจเลยล่ะ

 

3.พักผ่อนให้ถูกหลักและเพียงพอ

คุณภาพการนอนนั้นสำคัญที่สุด ถ้าหากคุณอดนอนหรือนอนไม่พอ ได้นอนแค่วันละ 3-4 ชั่วโมงจนร่างกายเริ่มส่งสัญญาณแปลกๆ มีอาการอ่อนเพลีย ไข้ขึ้น รู้สึกวูบๆ อ่อนเพลีย นั่นหมายถึงภูมิคุ้มกันร่างกายกำลังลดลงต่ำ นั่นหมายความว่า ประตูป้องกันเชื้อโรคและไวรัสต่างๆ ถูกเปิดออก ไม่ต้องบอกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณนอนไม่พอ เห็นอย่างนี้แล้วเราควรปรับวิธีการนอนได้ง่ายๆ ดังนี้

– ปิดไฟให้บรรยากาศในห้องมืดและเย็น หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่จะช่วยควบคุมการนอน แต่เมลาโทนินจะลดปิมาณลงเมื่อเจอแสงสว่าง เพราะฉะนั้นไม่ควรเปิดไฟสว่างเกินไปหรือเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่

– อย่าบริโภคอาหารก่อนนอนเยอะ เพราะร่างกายจะเข้าสู่ช่วงลดการทำงานลงระหว่างคุณนอน ถ้าหากจะกินอาหารแนะนำเป็นอาหารประเภท โปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไข่ไก่ เนื้อสัตว์สีขาว หรือผลิตภัณฑ์ประเภทนม

– นอนให้เพียงพอไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป บางคนนอน 6 ชั่วโมงรู้สึกสดชื่น แต่พอนอน 9-10 ชั่วโมงรู้สึกอ่อนเพลียจึงต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่านอนประมาณกี่ชั่วโมงถึงรู้สึกสดชื่นที่สุด

– คอยเช็คดูการกรนหรือหยุดหายใจ ด้วยการอัดเสียง หรือถามคนที่นอนกับคุณ ถ้าหากมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ

 

คำแนะนำของบทความนี้คือ เรื่องพื้นฐานที่ทุกคนควรทำในชีวิตหากต้องการแข็งแรงมีสุขภาพดีอยู่กับคนที่คุณรักได้นานๆ และได้ใช้ร่างกายอย่างคุ้มค่าไปกับประสบการณ์ชีวิตที่รอคุณอยู่ข้างหน้า สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนที่อ่านเริ่มปรับในสิ่งที่เรายังทำได้ไม่ดี หรือใครที่ยังไม่ได้เริ่มต้นดูแลสุขภาพตัวเอง ลองค่อยๆเริ่มปรับเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อย ให้พอเป็นก้าวเล็กๆ ในการเริ่มเปลี่ยนตัวคุณเอง และสุดท้ายนี้ผมขอให้ผู้อ่านทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตลอดไปนะครับ