ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่ฝนตกทุกวัน หรือบางสัปดาห์ตกทั้งวันทั้งคืน ชาวออฟฟิศที่มีเวลาว่างเพียงเสาร์ อาทิตย์ในการซักผ้า ถึงกับกุมขมับกันเลยใช่ไหมคะ ผ้าที่ซักไปแล้วก็เหมือนไม่ได้ซัก เพราะซักแล้วก็ยังเปียก แถมมีกลิ่นเหม็นอับ ถ้าใส่ไปทำงาน คงโดนเพื่อนรังเกียจแน่นอน วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ เกี่ยวกับการซักผ้ามาฝากกันค่ะ ไปดูกันเลยค่ะ
1.ใช้น้ำยาซักผ้าป้องกันกลิ่นอับ
ปัจจุบันมีผงซักฟอกและน้ำยาซักผ้าหลายยี่ห้อในท้องตลาด ที่มีสรรพคุณช่วยลดแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมที่ช่วยกลบกลิ่นเหม็นอับอีกด้วย แต่ทางที่ดีควรใช้น้ำยาซักผ้า แทนผงซักฟอกนะคะ เพราะน้ำยาจะซึมเข้าเสื้อผ้าได้ดีกว่าผงซักฟอก และบางครั้งผงซักฟอกอาจจะตกค้าง และก่อให้เกิดเชื้อราบนผ้าได้
2.ใช้เบกกิ้งโซดาซักผ้า
ก่อนซักผ้าลองใช้ตัวช่วยดูนะคะ “ผงฟู” หรือ เบกกิ้งโซดา นอกจากช่วยขจัดคราบสกปรก แล้วยังช่วยให้กลิ่นเหม็นอับจางลงอีกด้วย วิธีการใช้ก็คือใส่เบกกิ้งโซดาลงไป 3-4 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 กะละมัง แช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงซักด้วยน้ำยาซักผ้า จากนั้นนำเสื้อผ้าไปตากในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพียงเท่านี้กลิ่นอับก็จะไม่ย่างกรายเสื้อผ้าของคุณแล้วค่ะ
3.ซักผ้าให้บ่อยกว่าเดิม
หนุ่มสาววัยทำงาน มีเวลาว่างแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์ เพราะฉะนั้นจึงจะซักผ้าแค่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ทราบไหมคะว่าผ้าที่ใส่แล้ว มีแบคทีเรียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งหมักหมมไว้นานเท่าไร กลิ่นไม่พึงประสงค์จะมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่แทบจะไม่มีแดดมาช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรียยิ่งโตเร็วขึ้น ถ้าเป็นไปได้ควรซักผ้าทุก ๆ 2-3 วัน หรือ ทยอยซักให้บ่อยกว่าเดิม เพื่อหยุดยั้งการเติบโตของแบคทีเรียนะคะ
4.ตากผ้าในที่อากาศถ่ายเท
ช่วงฤดูฝนทำให้การตากผ้าในที่โล่งแบบปกตินั้นลืมไปได้เลย เพราฉะนั้นจึงต้องหาที่ตากในร่ม หรือในบ้านแทน ทำเลการตากผ้าควรเป็นที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก และควรทิ้งระยะห่างกันพอสมควร นอกจากนี้การตากผ้าไว้หน้าคอมเพรสเซอร์แอร์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว และไม่มีกลิ่นอับอีกด้วยค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างค่ะ เคล็ดลับที่นำมาฝากกันนี้ ทำได้ง่ายมากเลยใช่ไหมคะ อย่าลืมนำไปแชร์ต่อเพื่อเป็นประโยชน์ให้คนอื่น ๆ ด้วยนะคะ
อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ